ประวัติ รีซ เจมส์ กำแพงหลัง แห่ง สิงโตน้ำเงิน
ประวัติ รีซ เจมส์

ข้อมูลส่วนตัว รีซ เจมส์
ชื่อเต็ม : รีซ ลูวิส เจมส์ (Reece Lewis James)
วันเกิด : 8 ธันวาคม 1999
สถานที่เกิด : เรดบริดจ์ ประเทศอังกฤษ
อายุ : 23 ปี
ส่วนสูง : 179 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : กองหลัง
รีซ เจมส์ ถือได้ว่าเป็นเด็กปั้นของสโมสรเชลซี แม้ก่อนหน้านี้จะเคยอยู่ทีมอื่นมาก่อนก็ตาม แต่ก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับสโมสรนี้ตั้งแต่เล่นให้ทีมเยาวชน จนขึ้นสู่นักเตะมืออาชีพ เขาถือเป็นกองหลังที่มีความแข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ของโลกวงการฟุตบอล ด้วยความที่มีสไตล์การเล่นฉลาดบวกกับไวพริบ การสกัดกั้นลูกบอลไม่ให้เข้าถึงหน้าประตู ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ช่วงที่ผ่านมาทางสโมสรได้ปล่อยตัวเขาให้กับ วีแกน แอธเลติก ยืมตัวไปใช้งานแต่เมื่อเขากลับมาแล้วเซ็นสัญญาฉบับใหม่พร้อมกับได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติอย่างการเป็นกัปตันทีมแทน เซซาร์ อัซปิลิเกวตา ที่ย้ายออกจากทีมไป
ชีวิตในวัยเด็กของ รีซ เจมส์

เจมส์เกิดที่เรดบริดจ์ เกรเทอร์ลอนดอน เข้าเรียนที่โรงเรียนไอล์เวิร์ธ และ ไซออน และ เซ็นสัญญากับ เชลซี วูเมน ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 ทางด้าน ไนเจล พ่อของพวกเขาเป็นโค้ชทีมฟุตบอล แต่เดิมของ เขาเป็นชาวเกรนาเดียนและโดมินิกาสืบเชื้อสายมาจากพ่อของเขาและมีเชื้อสายอังกฤษผ่านทางแม่ของเขา
อาชีพช่วงแรกของ รีซ เจมส์

เขาเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งในระดับเยาวชนที่ คิว ปาร์ค เรนเจอร์ส ต่อด้วย เอปซอม อีเกิลส์ (โดยที่ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ก็เป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมทีมของเขาด้วยในตอนนั้น) James เซ็นสัญญากับ เชลซี เมื่อตอนอายุได้หกขวบ หลังจากที่อยู่กับทีมเยาวชนของสิงโตน้ำเงิน 1 ปี ก็ได้ย้ายเข้าไปร่วมกับ ฟูแล่ม ทีมคู่แข่งร่วมเมือง แห่งกรุงลอนดอน ในตอนอายุ 7 ขวบเท่านั้น แต่ก็อยู่ได้เพียงหนึ่งปี ก่อนจะกลับมาที่เชลซีอีกครั้ง ซึ่งในตอนนั้นเขาเล่นตำแหน่งกองหน้า ที่มี ดิดิเยร์ ดร็อกบา เป็นไอดอล แต่ไม่นานก็ถูกโยกย้ายตำแหน่งให้มาเล่นเป็นกองกลาง แต่ก็ถูกขยับลงมาเป็นแบ็คขวาในท้ายที่สุด ตอนแรกเขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อปรับตัวให้ได้ในตำแหน่งนี้ หากเขาต้องการที่จะเล่นฟุตบอลต่อไปในทีมยักษ์ใหญ่แบบนี้ แต่แล้วเขาก็ทำมันออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

เขาใช้เวลาฝึกฝนตัวเองนานนับ 10 ปี ก่อนโอกาสครั้งสำคัญจะมาถึง เขาถูกผลักดันให้ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี ค.ศ 2018 ก่อนหน้านี้เคยสร้างผลงานระหว่างฤดูกาล 2017–18 เขาเป็นรุ่นไลท์เวทของทีมอายุต่ำกว่า 18 ปีเพื่อคว้าแชมป์เอฟเอยูธคัพ จนได้รับเลือกให้เป็นนักเตะอคาเดมี่แห่งฤดูกาล เมื่อสิ้นสุดปีนั้น ทางสโมสรก็ได้ยื่นสัญญาอย่างเป็นทางการเซ็นเขาเข้าร่วมทัพเป็นเวลา 4 ปีเต็ม เพียงปลายประกาสิ้นสุด ทางสโมสร วีแกนแอธเลติก ทีมในระดับแชมเปี้ยนชิพ ก็ได้ยื่นข้อเสนอขอยืมตัวเขาไปใช้งาน 1 ฤดูกาล หลังจากที่เขาช่วยทำเป็นกำลังหลักสำคัญทำให้เขา ได้รับเลือกให้ติดทีมแชมป์แห่งฤดูกาล 2018–19 เรียนสามารถ คว้าสามรางวัลในช่วงท้ายฤดูกาล รวมถึงนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีอีกด้วย
ฤดูกาล 2019-21 ของ รีซ เจมส์

วันที่ 25 กันยายน 2019 เจมส์ลงประเดิมสนามให้กับเชลซีหลังจากกลับมาจากอาการบาดเจ็บ เขายิงประตูแรกและแอสซิสต์สองประตูในการ ชนะ7–1 เหนือกริมสบีทาวน์ในรอบที่สามของอีเอฟแอลคัพ นัดต่อมาที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริง เขายิ่งประตูสำคัญให้กับทีมนัดที่เสมอกับ อาแจ็กซ์ 4–4 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน กลายเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดของเชลซีในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก แต่เรื่องน่าเศร้าก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ในเดือนมกราคม 2021 เจมส์ถูกเหยียดเชื้อชาติ จากแฟนบอลที่ไม่พอใจในตัวของเขา โดยถูกโจมตีหนักผ่านทางสื่อออนไลน์ เขาต้องประสบกับปัญหานี้อยู่บ่อยครั้งอีก 3 เดือนให้หลังเขาจึงตัดสินใจลบ Instagram ทิ้ง เพื่อไม่อยากรับรู้และบั่นทอนจิตใจของตัวเองไปมากกว่านี้ หลังจากที่สภาพจิตใจเขากลับมาดีอีกครั้ง เขาก็พาทีมคว้า แชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรก
ฤดูกาล 2021-23 ของ รีซ เจมส์ กับตำแหน่งกัปตันทีม

ผลงานของเขายังคงเส้นคงวา ช่วยทัพคว้าชัยหลายต่อหลายครั้ง เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลเจมส์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล PFA Young Player of the Year (นักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ) ก่อนที่จะเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ทางบอร์ดบริหารได้ลงความคิดเห็นกับผู้จัดการทีมต่อสัญญาเขาเพิ่มอีก 6 ปี โดยสัญญากับสโมสรจนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2028 เขาทุ่มเทอย่างหนักแต่แล้วอาการบาดเจ็บก็กลับมาอีกครั้งในเดือนต่อมา
เมื่อเขาจะได้รับบาดเจ็บที่เข่า ต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยด่วน ต้องพักฟื้นเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ มันจึงทำให้เขาพลาดช่วงเวลาที่เหลือก่อนจะปิดฤดูกาลโดยที่เจ้าตัว ก็เคยออกมาเปิดเผยว่า มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ผมไม่สามารถช่วยเหลืออะไรทีมได้เลย ฤดูกาล 2023–ปัจจุบัน รับตำแหน่งกัปตันทีม หลังจากการจากไปของ เซซาร์ อัซปิลิเกวตา ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมของเชลซีเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2023
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม :: ประวัตินักฟุตบอล
ติดตามประวัตินักบอลเพิ่มเติมได้ที่ :: ประวัติ ดาร์วิน นูเญซ